วิตามินดี (
Vitamin D) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมและการสันดาปของแคลเซียมและฟอสฟอรัส ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เองเมื่อผิวหนังได้รับแสงแดด แต่ในความเป็นจริงนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับวิตามินดี (
Vitamin D) อย่างเพียงพอ เพราะหากตากแดดเป็นประจำจนสีผิวคล้ำ เม็ดสีผิวที่เข้มขึ้นจะไปยับยั้งการสร้างวิตามินดี (
Vitamin D) โดยเฉพาะคนในเมืองส่วนใหญ่ที่หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และทา
ครีมกันแดด เพราะไม่ต้องการสีผิวคล้ำหรือไม่ต้องการให้ผิวที่แก่กว่าวัยจากการถูกรังสียูวีจากแสงแดดทำลายผิวหนัง ก็ควรจะได้รับรับ
วิตามินดีจากอาหารให้มากขึ้น
วิตามินดี (Vitamin D) ที่สำคัญมี 2 ชนิด
แม้ว่าโดยปกติ วิตามินดี (
Vitamin D) จะมีอยู่ 5 รูปแบบ คือ vitamin D
1, D
2, D
3, D
4, D
5 แต่มีเพียง 2 ชริดที่มีความสำคัญต่อมนุษย์มากที่สุดคือ vitamin D
2 (ergocalciferol) และ vitamin D
3 (cholecalciferol) โดยในแง่ของประโยชน์ของวิตามินดี (
Vitamin D) นั้น นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่า vitamin D
2 และ vitamin D
3 มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม มีนักวิทยาศาสตร์บางส่วนเห็นว่า vitamin D
3 มีประสิทธิภาพมากกว่า
แหล่งอาหารที่มี วิตามินดี (Vitamin D) สูง
วิตามินดี (
Vitamin D) พบเป็นวิตามินชนิดเดียวที่พบน้อยมากในพืชและผัก แต่พบในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ คือ น้ำมันตับปลา ไขมัน นม เนย ตับสัตว์ ตับปลาคอด ปลาทู ไข่แดง ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ปลาแม็คเคอร์เรก อย่างไรก็ตาม ปริมาณของวิตามินดี (
Vitamin D) ในอาหารต่างๆก็เปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาลและสภาวแวดล้อมต่างๆ เช่น การถูกแสงแดดมากหรือน้อย อาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์มีวิตามินดีมากหรือน้อยเพียงใด เป็นต้น และเมื่อวิตามินดีเข้าร่างกาย ก็จะถูกนำไปเก็บไว้ที่ตับเป็นส่วนใหญ่ และส่วนหนึ่งก็จะเก็บที่ผิวหนัง สมอง ตับอ่อน กระดูก และลำไส้ วิตามินดีจะเสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อถูกออกซิเดชั่น (Oxidation)
ประโยชน์ของวิตามินดี (Vitamin D)
- วิตามินดีเป็นส่วนสำคัญสำหรับการดูดซึมและการเผาผลาญของแคลเซียมและฟอสฟอรัส จึงมีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสมากขึ้น ซึ่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะการบำรุงรักษาของสุขภาพกระดูกและฟัน
- วิตามินดีเป็นวิตามินที่ช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับโรคต่างๆได้ดีขึ้น เช่น โรคหวัด
- วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท และได้มีการศึกษาชายชาวยุโรป 3000 คนที่มีอายุระหว่าง 40 ปี และ 79 ปี พบว่า วิตามินดีอาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สมองทำงานได้ดีในวัยชรา
- วิตามินดีมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคไขข้ออักเสบในผู้หญิง
- วิตามินดีสามารถช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการโรคหอบหืด (งานวิจัยของ Harvard Medical School พบประโยชน์ของวิตามินดีนี้หลังจากการตรวจสอบเด็กจำนวน 616 คนใน Costa Rica)
- มีการศึกษาต่างๆที่ได้แสดงให้เห็นว่าคนที่มีระดับวิตามินดีอย่างเพียงพอ มีความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับคนที่มีระดับวิตามินดีที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ในงานวิจัยของศูนย์การรักษาโรคมะเร็งของอเมริกา ยังพบว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่ขาดวิตามินดี
- นักวิจัยได้รายงานในเดือนกันยายน 2012 ใน PNAS (the Proceeding of the National Academy of Sciences) ว่า การรับประทานวิตามินดีขนาดสูง สามารถช่วยให้ผู้ป่วยวัณโรคหายได้เอย่างรวดเร็ว
- วิตามินดีมีผลต่อการดูดซึมกลับของกรดอะมิโนที่ไต ถ้าขาดวิตามินดี กรดอะมิโนในปัสสาวะจะเพิ่มขึ้น ถ้าวิตามินดีเพียงพออัตราการดูดซึมกลับกรดอะมิโนจะปกติ และในปัสสาวะจะลดปริมาณลง
- ช่วยสังเคราะห์ Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้าง คอลลาเจน
- หน้าที่โดยอ้อมของวิตามินดี เช่น วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้จะสัมพันธ์กับการมีอยู่และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ของร่างกาย

